กล่าวกันว่า"ร้อยละ90ของความสำเร็จในการท่องเที่ยวนั้นอยู่ที่การเตรียมตัว"ถ้าเราเตรียมหาข้อมูลไว้ล่วงหน้าเช่นจะไปแวะที่ไหนบ้างจะไปทานอะไรบ้างเราก็จะยิ่งเติมเต็มการท่องเที่ยวของเราได้มากยิ่งขึ้นบนหน้าเว็บไซต์ของรถไฟสายอากิตะไนริกุก็มีข้อมูลสำคัญต่างๆเขียนไว้มากมาย
เวลา 24 ชั่วโมงของรถไฟสายไนริกุจะผ่านไปอย่างเนิบๆจนเราเริ่มรู้สึกได้ถึงความแตกต่างเมื่อเทียบกับเวลา24 ชั่วโมงของเมืองใหญ่ไม่ว่าเราจะรีบร้อนสักเท่าไรรถไฟขบวนถัดไปก็ไม่โผล่มาสักที
ขบวนรถไฟธรรมดาของสายไนริกุมีอยู่ 8 ขบวน แต่ว่าไม่มีขบวนไหนสีเหมือนกันเลย มีขบวนรถไฟทั้ง 7 สีได้แก่สีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียวอ่อน สีฟ้าอ่อนสีน้ำเงิน และสีม่วง รวมกับอีก 1 ขบวนรถไฟสีนำโชคเราจะได้เจอกับขบวนรถไฟสีไหนกันนะ?
ออกไปสัมผัสกับสภาพอากาศและวัฒนธรรมที่ต่างออกไป ในสถานที่อื่นเราอาจไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งนี้ตอนใช้ชีวิตตามปกติ สิ่งเหล่านี้อาจช่วยให้เราเกิดความคิดใหม่ๆ หรือนึกอะไรออกก็เป็นได้ เราจะสามารถมาสัมผัสกับวัฒนธรรมต่างๆ ของแต่ละฤดูกาลได้ที่ริมทางรถไฟสายไนริกุแห่งนี้
หนึ่งในความสนุกของการท่องเที่ยวก็คือมื้ออาหารนั่นเอง!ลองมาทานที่ร้านอาหารแนวตะวันตกซึ่งอยู่ในหุบเขาสิ เรามักจะเผลอตัวทานเยอะเกินไปเพราะอาหารรสเลิศเช่นนี้
เราแทบจะไม่มีเวลามานั่งว่างๆเลยเพราะทิวทัศน์อันงดงามนั้นปรากฏออกมาให้เห็นอยู่ตลอดไม่ขาดสาย รถไฟธรรมดาวิ่งจากคากูโนดาเตะไปถึงทากาโนซุใช้เวลาราว2ชั่วโมง 30นาที เราจะได้ขยับตัวแบบไม่หยุดทั้งหน้าหลังทั้งซ้ายขวาเป็นการฝึกฝนร่างกายได้อยู่นะว่าไหม?
หากคุณไปเดินเล่นในตัวเมือง คุณก็จะรู้สึกได้ว่า"นี่แหละ อากิตะ"ไม่ว่าจะเป็นอากาศแสนสดชื่น ทิวทัศน์อันเงียบสงบด้กับผู้คนท้องถิ่นเป็นสำเนียงอากิตะหากคุณลองมองเข้าไปในร้านค้าเล็กๆคุณอาจจะเห็นถึงชีวิตความเป็นอยู่ของอากิตะก็เป็นได้
นอกจากนี้คุณยังจะได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านรถไฟสายอากิตะไนริกุเมื่อคุณได้ยินคำแนะนำและข้อมูลทั้งหมดจากทีมงานของเรา
หากคุณโบกมือให้ขบวนรถไฟบางทีอาจจะมีเสียงหวูดของรถไฟตอบกลับมาก็ได้นะสิ่งนี้คือรถไฟสายอากิตะไนริกุคือสไมล์เรลที่ทำให้เรายิ้มแบบไม่รู้ตัวนั่นเอง!เราจะรู้สึกมีพลังทั้งทางร่างกายและจิตใจแน่นอน
มาโพสต์ประสบการณ์ใหม่แสนสนุกและความทรงจำที่ดีขึ้นไปบนโซเชียลกันเลยมาแบ่งปันความสุขนี้กับเพื่อนๆกันเถอะ!